คืนนั้นเวลาตี 3 แล้ว ตำรวจที่เข้าเวรทุกคนต่างก็ง่วงเต็มที่บางคนก็ออกตรวจท้องที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ยังไม่กลับเข้าโรงพัก ตำรวจที่เหลือก็อยู่อีกห้องหนึ่ง
สารวัตรเวรก็อยู่อีกห้องหนึ่งเพียงลำพังคนเดียวแม้หนังตามันจะปิดเพราะมันทำงานของมันมาทั้งวันแล้ว แต่ตำรวจเวรจะหลับเวรไม่ได้เป็นอันขาด จึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านข่าวต่างๆ
หลังจากอ่านข่าวเสร็จแล้ว ผมก็มีความรู้สึกว่าเหมือนมีใครสักคนมายืนหน้าโต๊ะทำงานผมพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ผมตกใจแทบช็อกเหมือนกัน
เมื่อมีผู้หญิงแต่งตัวในชุดนักศึกษาที่คอผูกเนกไทสีเทามือซ้ายจับปลายเนกไทไว้อายุประมาณ 20 ปีเหมือนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากโรงพักไม่กี่เสาไฟฟ้า หน้าตาและตามเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งโดนทำร้ายมาใหม่ๆ
"เอาหล่ะเงยหน้าขึ้นมาคุยกัน คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าผมอาจจะช่วยคุณได้นะ"แทนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นกลับร้องไห้แต่เสียงของเธอต่างจากเสียงของคนธรรมดาทั่วไป เสียงนั้นเย็นชาและเย็นเยือก แต่ผมก็ไม่เอะใจ
"คุณไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาแล้วผมจะช่วยคุณได้อย่างไร" ผมพูดย้ำ แต่เธอก็ไม่ยอมพูดหรือเงยหน้าขึ้นมา
"เอาหล่ะๆ คุณใจเย็นๆ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกลัวนี่โรงพักไม่มีใครทำอะไรคุณได้เข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งบนเก้าอี้" แทนที่เธอจะทำตามเธอกลับนิ่งอยู่กับที่ แต่เงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วพูดขึ้นว่า
"สารวัตรขามีคนถูกขังร้องขอความช่วยเหลืออยู่ภายในตึกคณะวิทยาการจัดการ" เธอผู้มากับความเงียบกล่าวจบก็ยืนสงบอยู่กับที่ผมจึงเดินไปสั่งลูกน้องที่อยู่อีกห้องหนึ่งเพื่อจะออกไปตรวจที่เกิดเหตุ
แต่พอผมเดินกลับมานักศึกษาสาวคนนั้นก็ได้หายไปแล้วผมคิดว่าเธอคงไปเข้าห้องน้ำแต่ไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่มีใคร ถามสิบเวรที่รักษาการณ์อยู่หน้าโรงพักก็ไม่รู้ไม่เห็นใครเดินผ่านเลย
เมื่อไปถึงสถานที่เกิดเหตุตอนนั้นอากาศกำลังขมุกขมัวแต่ก็ได้เดินตรวจตามที่ได้รับแจ้งแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติอาคารทุกหลังเงียบสงบจะมีก็แต่เสียงตุ๊กแกร้องถี่ผิดปกติเท่านั้น
หลังจากเดินดูจนทั่วไม่มีอะไรก็เดินทางกลับโรงพักเพื่อทำหน้าที่สารวัตรเวรต่อไปจนสว่าง พอดีตำรวจเอาหนังสือพิมมาวางบนโต๊ะ ผมได้หยิบมาดูข่าวหน้า 1 ก่อน
ผมสงสัยว่าภาพข่าว น.ศ.สาวชื่อ น.ส.เสาวภาลงบนหน้า 1 หนังสือพิมพ์ไทนรัฐ หน้าตาของเสาวภาพเหมือนผู้หญิงที่มาหาผมเมื่อคืนนี้จริงๆ ทั้งรูปร่างลักษณะ หน้าตาเป็นคนเดียวกันทำเอาผมมือไม้สั่น ขนลุกซู่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 น.ส.เสาวภา ประชุมอายุ 22 ปี นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ เอกบริหารธุรกิจ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ผูกคอตายในบ้านเลขที่ 3/193 หมู่บ้านเคหะชุมชน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
เรื่องที่เป็นสาเหตุคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เสาวภาพยายามวิ่งเต้นเพื่อกู้เงินกองทุนการศึกษามาจ่ายค่าลงทะเบียนเรียนเหลืออีก 1 ปี เธอก็จะจบหลักสูตรแล้วแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ
เสาวภาทำทุกวิถีทางเพื่อจะหาเงินมาลงทะเบียนเรียนขนาดยืมเพื่อนจ่ายไปให้ก่อนโดยได้ให้ความหวังกับเพื่อนที่ให้กู้เงินว่า ได้เงินที่ขอกู้จากกองทุนเมื่อไหร่จะเอาไปคืน
เสาวภาเอาเวลาไปรับจ้างหลังเลิกเรียนก็ไม่พอจ่ายค่าหน่วยกิต การรอเงินกองทุนก็ดูเหมือนจะสิ้นหวัง นอกจากจะผิดหวังเรื่องเงินกองทุนแล้ว เงินที่ยืมเพื่อนมาก็ถึงกำหนดคืน
ในช่วงนาทีนั้นเธอรู้สึกว่าหมดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตมองอนาคตข้างหน้าดูเหมือนจะมืดมนไปหมดหาทางออกให้กับตัวเองไม่เจอยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มจนลืมทุกอย่างแม้แต่พ่อ-แม่
หากเสาวภาคิดถึงพ่อแม่พี่น้องก่อนจะตัดสินใจทำลายชีวิตและอนาคตของตัวเอง เธอคงได้สติกลับมาหาทางแก้ไขได้ เสาวภา ณ เวลานั้นลืมข้อคิดข้อนี้
หลังข่าว... "ผีนักศึกษาสาวบุกโรงพักแจ้งความ..." แพร่กระจายออกสู่สายตาประชาชนทางหน้าหนังสือพิมพ์ ทำเอาฝ่ายรับผิดชอบเรื่องเงินกองทุนพากันเต้นผางซัดกันวุ่นน ทั้งกลัวความผิดในการปฏิบัติหน้าที่ที่ล่าช้าและผิดพลาด
ทั้งขนลุกจนพองกลัววิญญาณเสาวภานักศึกษาสาวไปปรากฏตัวที่สำนักงาน เพื่อทวงถามหาความเป็นธรรม..ตามๆ กัน..?.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น